view_point_phi_phi_island
สวัสดีครับวันนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองไทย อยู่ภาคใต้ของเรานี่เองครับ นั่นคือจังหวัดกระบี่ และหมู่เกาะพีพี ในรอบนี้เที่ยวไม่เยอะเท่าที่ควรครับ
เพราะพาทั้งคุณยายไปเที่ยว แล้วมีเด็กดื้อไปด้วยครับ เลยจะไปไหนมาไหนลำบากหน่อย แต่ผมก็แอบหนีออกไปเที่ยว ไปขึ้นเขาดูพระอาทิตย์ตกมาด้วยครับ
ไปทั้งทีเนอะ ก็เที่ยวให้มันคุ้มๆหน่อยสิ 555
 

เครื่องบินใช้หางแดงเจ้าประจำ ราคา ไป – กลับคนละ 1840 บาท ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไปครับ แต่ตอนจองแนะนำ จองช่วงที่มีโปรจะประหยัดหน่อย
ออกจากกรุงเทพตอนบ่ายครับ ถึงกระบี่ก็สามโมงกว่าๆแล้ว ดังนั้นเราจะขึ้นเรือไปที่เกาะพีพีไม่ทัน เพราะเรือที่เกาะพีพีจะมีเป็นรอบครับ แล้วจากกระบี่ไปมีแค่ 3 โมงเท่านั้น
ดังนั้นเราก็ต้องหาที่พักกระบี่ เพื่อนอนพักผ่อนกันก่อน ก็ต้องที่นี่เลย https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/region/krabi-10000188 จองก่อนล่วงหน้า ได้ราคาถูกไปอีก แถมที่ Traveloka เค้ายังมีรหัสส่วนลด ใช้จองที่พักแจกเป็นประจำอีกด้วย เรียกได้ว่าได้ที่พักกระบี่แบบถูกแล้วถูกอีก ซึ่งพอเลือกจองที่พักได้แล้ว ก็ไปเที่ยวกันได้เลยครับ แล้วถึงจะกลับมาขึ้นเรือไปเกาะพีพีพรุ่งนี้เช้า ตามไปกันเลยคร้าบ
view_on_plane
เริ่มต้นเดินทางก็ตัดภาพมาที่เครื่องบินเลยนะครับ ภาพนี้เป็นภาพตอนที่กัปตันพูดว่าเครื่องกำลังจะถึงกระบี่แล้ว ผมเลยหันไปมองที่หน้าต่าง โอ้ว แม่น้ำคดเคี้ยว
ดูเป็นงานศิลปะที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นไว้จริงๆ มันดูสวยงาม คดเคี้ยวไปมา พอได้เห็นมุมสูงแล้วมันสวยจริงๆ ถ้าคุณได้เห็นแม่น้ำแห่งนี้
แสดงว่าคุณกำลังจะถึงกระบี่แล้วคร้าบบบบ เตรียมตัวเที่ยวกันได้เลยยย
เมื่อออกจากสนามบินก็นั่งแท๊กซี่จากสนามบินไปที่พักกันครับ ราคาแท๊กซี่จากสนามบินไปตัวเมืองกระบี่ ส่วนใหญ่เค้าจะใช้ราคาเหมานะครับ 350 บาท
กี่คนก็ได้เราก็บอกว่าเราพักที่ไหน แล้วเดี๋ยวแท๊กซี่จะพาไปครับ ผมได้จองที่พักล่วงหน้ากับทาง Agoda เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปโรงแรมกันได้เลย
รอบที่ผมไปโรงแรมเค้ากำลังรีโนเวทใหม่อยู่ครับเลยได้ไปพักอีกที่พักนึง ณ ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้วมั้งครับ เพราะไปมานานแล้วด้วย 555
ก็ได้ไปพักอีกที่นึง ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือครับ ที่ผมจองไว้คือ Baan Andaman Bed & Breakfast Hotel
แต่ที่ได้พักคือ Dee Andaman Hotel Pool Bar ตอนแรกก็ตื่นเต้นนะว่าจะเป็นยังไง แต่แท๊กซี่บอกว่าดีกว่าตรงนี้แน่นอน ใจชื้นแล้วเรา

ตามไปดูห้องพักและราคาของ Baan Andaman Bed & Breakfast Hotel ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/baan-andaman-bed–breakfast-hotel-1000000435363

ลืมบอกไป ผมจองห้องคืนละ 816 บาทรวมภาษีแล้วครับ แต่เท่าที่ดูของห้องที่ไปพักห้องละ 1320 บาท เอาหละ รอบนี้ได้กำไร 500 บาท
มาสืบราคาดูตอนแรกนึกว่าราคาจะแพงกว่านั้นนะเนี่ย เพราะห้องพักจัดได้ว่าสวยเลยหละครับ เลยไม่คิดว่าจะราคาเท่านี้
พอมาถึงก็มีพนักงานต้อนรับช่วยยกของเป็นอย่างดี ตัวโรงแรมมีการตกแต่งสวยงาม เน้นสไตล์ไทยๆหน่อยครับ
ก็เช็คอินแล้วขึ้นไปยังห้องพักเอาหละครับ พระเอกวันนี้ก็คือห้องพักที่กระบี่ Dee Andaman Hotel Pool Bar ไปดูห้องกันเลยครับ
bedroom_dee_andaman
ห้องพักจัดในสไตล์ไทยๆ โดยที่นี่ใช้เตียงไม้สีเข้ม และผ้าม่านสีขาว บางๆ มาตกแต่งเสาเตียง ดูกลมกลืนและลงตัวกับสีไม้ของเตียง แต่ยังมีส่วนสีขาวเพื่อให้ดูสว่าง
และใช้ผนังสีสันเพื่อให้ดูมีชีวิตชีวาไม่จืดจนเกินไป เป็นการผสานสีของตัวห้องและเฟอนิเจอร์ได้อย่างลงตัว มีรูปภาพนูนต่ำมาตกแต่งอยู่หัวเตียง ช่วยดึงดูดได้ดีเลยทีเดียว ทำให้ห้องไม่เรียบจนเกินไป ออกแบบและจัดวางสิ่งต่างๆได้ดี มีระเบียงหน้าห้องทีมองออกไปด้านนอกจะเห็นหน้าโรงแรม กับภูเขาอยู่ไกลๆ
 bed_dee_andaman
 
อีกมุมหนึ่งของเตียง หัวเตียงมีไฟสีเหลือง เมื่อห้องมืดก็เปิดไฟ จะได้บรรยากาศที่โรแมนติกนิดๆ แต่จะไม่มีไฟที่ทำให้ห้องสว่างเท่าไร จะเน้นไปแนวครึ้มๆหน่อยไฟสลัวๆ เหมาะแก่การนอนมากๆเลย (ก็อันนี้มันห้องนอนหนิเนอะ) แต่ถ้าเปิดไฟทั้งห้องก็สว่างอยู่ครับ แต่ยังไงก็ไม่เท่าไฟขาวบ้านเราแน่นอน 555
 
bed_towel_dee_andaman
ผ้าเช็ดตัวก็บรรจงพับ บรรจงวาง คือทำมาซะสวยจะกล้าหยิบไปใช้หรือเปล่าเนี่ย
bathroom_dee_andaman
 
ตามไปต่อที่ห้องน้ำครับ ประตูห้องน้ำเป็นประตูไม้สีเข้ม เป็นลักษณะคล้ายประตูของบ้านไทยสมัยก่อน กลอนประตูเป็นไม้สลักกลางที่จับ ไม่รู้เรียกว่ายังไงนะ แบบนั้นแหละ 555 ด้านในห้องน้ำก็มีส่วนกั้นที่อาบน้ำ กับ โซนแห้ง ด้วยกระจกใสที่เปิดได้ 180 องศา จะผลักหรือจะดึงแล้วแต่สะดวกเลยหละ แต่อย่าเดินชนหละ กระจกใสจนผมลืมตัว เดินชนไปทีนึง มึนกันเลยทีเดียว
 
bathroom_dee_andaman_1
อย่างที่บอกไปว่าห้องพักเน้นสีเข้ม แต่ก็ยังมีสีสันนะครับ ด้วยการเอาสีสันมาตัดกับสีเข้ม ทำให้ห้องน้ำดูโดดเด่นใช้ได้เลยครับ
โรงแรมนี้มี Wifi ให้ครับ เค้าจะมีรหัสให้อยู่ที่ Lobby ด้านล่าง แต่ห้องที่ผมอยู่อาจจะอยู่ห้องริมสุด ทำให้สัญญาณขาดๆหายๆไปบ้าง มีรถรับ-ส่ง ที่ถนนคนเดินเมืองกระบี่
โรงแรมเดิม Baan Andaman Bed & Breakfast Hotel ไม่ไกลจากถนนคนเดินมากนัก ประมาณ 700 เมตรเห็นจะได้ แต่ที่ Dee Andaman เดินไกลกว่าเดิมพอสมควร
แต่โชคดีครับ เค้ามีรถรับ-ส่งให้ โดยจะไปส่งที่ถนนคนเดิน ซึ่งออกเป็นรอบเวลาครับ ตารางเวลาอยู่ที่ Lobby เลยครับ
ปล.ถนนคนเดินจะมีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์นะครับ ถนนคนเดินอยู่ใกล้ๆห้าง โวค อยู่ถนนมหาราชซอย 8 เปิด 17.00-22.00 น.
 
map
 
แถมแผนที่ให้ครับ กลัวจะหลงทางกันครับ ดูคร่าวๆประมาณนี้นะเข้าใจหรือเปล่าไม่รู้ 

ตามไปดูห้องพักและราคาของ Dee Andaman ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/dee-andaman-hotel-pool-bar–1000000435340

หลังจากที่เดินกันจนเหนื่อย ก็กลับไปพักผ่อนกันก่อนครับ เตรียมไปเกาะพีพีกันวันรุ่งขึ้นครับ

ตื่นเช้าก็รีบหาอะไรกินกันไปก่อน เพราะที่นี่ไม่มีอาหารเช้าครับ ผมก็ซื้อขนม ซื้อมาม่ามาเตรียมตั้งแต่เมื่อวาน เพราะไม่อยากตื่นเช้ามาก
เราต้องไปขึ้นเรือรอบ 9 โมงครับ อยากถึงเกาะพีพีแล้ว จากนั้นก็โทรเรียกแท๊กซี่คันเดิม จากเมื่อวานครับ หรือจะให้โรงแรมช่วยหาก็ได้
แล้วก็ไปที่ท่าเรือกระบี่ ไปยังเกาะพีพี ผมต่อแท๊กซี่ เหลือ 200 บาท เพราะมันไม่ได้ไกลอะไรมาก อิอิ

จากนั้นซื้อตั๋วเรือเลยครับ 400 บาท เรือเป็นเรือใหญ่ มีหลายรอบนะครับ แต่บางรอบราคาจะไม่เท่ากันเพราะคนละบริษัท อันนี้ก็ไม่รู้

ว่าทำไมราคาไม่เท่ากัน เพราะบางรอบ 450 บาทครับ ลองหาดูในกูเกิ้ลได้เลยครับ อิอิ พอถึงเวลาก็ขึ้นเรือเตรียมไปเกาะพีพีกันเลย

boat
 
เย้ ขึ้นเรือแล้ว ไปกันเลยยย ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมงครับ เรือใหญ่ ไม่โครงเครงมาก แต่ถ้าใครเมาเรือง่ายก็กินยาเผื่อก็ได้ครับ
แต่ถือว่าวิ่งได้นิ่งอยู่ครับ ไม่น่าจะเมาเรือง่ายนะครับเมื่อขึ้นเกาะมาต้องเสียค่าบำรุงรักษาเกาะ 20 บาทครับ แล้วถึงจะออกไปเข้าเกาะได้ จะมีคนของโรงแรมมารอมากมาย มาถึงก็เดินเล่นๆก่อนเพราะยังไม่ถึงเที่ยงเลย อากาศครั้งนี้ที่เกาะถือว่าร้อนเลยหละ เดินไปเหงื่อออกไป เลยคิดว่าจะไปนอนตากแอร์ที่โรงแรมแล้ว ก็เลยเดินไปหาโรงแรมครับ จากเส้นทางที่ผมเดินมันอ้อมเลยเหนื่อย จริงๆเดินมาจากท่าเรือแล้วตรงมาทางชายหาด เดินไม่ไกลมากก็ถึงแล้ว สามารถโทรไปหาโรงแรมก่อนจะลงเรือได้ครับให้มารับที่ท่าเรือ ผมไม่ได้โทรเลยเดินหาเองมึนกันไป
พอถึงโรงแรมก็เช็คอิน แล้วก็เข้าไปเปิดแอร์แล้วพัก จนลืมถ่ายรูปไปเลยครับ จนกลับก็ไม่ได้ถ่ายรูป ร้อนจนขี้เกียจ 555
โชคดีกว่าฝนตกแหละเนอะ ไม่งั้นออกข้างนอกไม่ได้แน่นอนครั้งนี้พักที่โรงแรม JJ Residence เป็นโรงแรมเล็กๆไม่ใหญ่มากครับผม
ห้องพักของโรงแรม ผนังจะเป็นผนังไม้ คล้ายๆบ้านทรงไทย ที่ผนังจะไม่เสมอกัน ห้องทั้งห้องเป็นไม้ที่มาแปะผนังปูน
เป็นการรีโนเวทใหม่จากตึกธรรมดาให้สวยได้ ห้องพักถือว่าโอเคเลยครับ สะอาด ดูกว้าง แล้วโรงแรมก็มีสระว่ายน้ำให้เล่นด้วย
โรงแรมไม่ใหญ่ครับ เป็นตึกเดียวผมอยู่ชั้น 2 ก็จะมองเห็นสระว่ายน้ำเลยที่ระเบียง ส่วนอยากได้แบบ Pool Access ก็เลือกชั้น 1
แต่ราคาจะแพงกว่ากันครับ ผมเลยเอาชั้น 2 ดีกว่า เดินลงมาเล่นก็ได้ไม่เป็นไรพนักงานที่นี่บริการดี เป็นกันเองมากครับ สามารถฝากกระเป๋าได้หลังจากเช็คอินแล้ว เรายังไม่กลับ ไปเดินเล่นก่อนได้ครับ เพราะต้องเช็คเอ้าท์ออกตั้งแต่ 11 โมงครับผม โดยรวมโรงแรมนี้โอเคเลย ราคาไม่แพง เดินไม่ไกลจากท่าเรือ และชายหาด มีสระว่ายน้ำ พนักงานบริการดี ก็ถือว่าโอเคเลยหละครับสำหรับที่พัก แต่ราคาแพงกว่าอยู่ที่กระบี่พอสมควรครับ ที่นี่ราคาคืนละ 1750 รวมภาษีแล้ว ซึ่งซื้อจาก Agoda อีกเช่นเคยครับ
 
JJ_residence
 
ปล.ต้องขอโทษด้วยที่ไม่มีภาพของโรงแรมนี้เลย ขอเอาภาพคร่าวๆจาก Agoda ให้แทนนะครับ เนื่องจากเหนื่อยๆเลยลืมถ่าย
 

ตามไปดูห้องพักและราคาของ JJ Residence ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/jj-residence-1000000457528

หลังจากนั้นก็ออกไปหาข้าวกินครับ ลืมบอกไป การมาเที่ยวที่เกาะพีพี ราคาของทุกอย่างที่นี่จะแพงขึ้นมากครับ เพราะต้องขนส่ง
ทางเรือมายังเกาะ ของใน  7-11 ยังแพงกว่าบนบกเลยครับ ถ้าใครหิ้วอะไรไหวเตรียมขนมาจากบนฝั่งได้นะครับ
ยกตัวอย่าง smirnoff Apple ปกติประมาณ 60 บาท ที่นี่จะขาย 75 บาท โออิชิ +5 ขนมทุกอย่างบวกไปตามสัดส่วนครับ
อาหารอยู่ในเกณฑ์ที่แพงบ้างแต่พอรับได้ สั่งกับข้าว บล๊อกโคลี่ผัดกุ้ง จานละ 150 บาท ก็เยอะอยู่ครับ ต้มยำทะเล 150-200 บาท
อันนี้มือกลางวันที่นั่น เป็นมื้อแรกเมื่อมาถึงเกาะครับ มาที่นี่หลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับราคาเท่าไรอยู่ดี 555เอาหละครับ เราไปจุดชมวิวกันดีกว่า หลังจากกินข้าวพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ เดินดูของขายตามทาง เดินไกลเหมือนกันนะครับ แล้วสูงด้วย เตรียมฟิตร่างกายกันซักนิดนะ พร้อมแล้วไปยังจุดชมวิวกันเลยครับ
— พิกัด จุดชมวิวเกาะพีพี : 7.751136, 98.779106
 
map_view_point_phi_phi_island
 
เดินไปหลงไป จะผ่านโซนร้านขายของ ร้านอาหาร โซนบาร์(ที่จะมาเดินเล่นตอนกลางคืน) แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ถ้ากลัวหลง ถามคนแถวนั้นด้วยก็ดีครับ เดี๋ยวจะเสียเวลาเดินอ้อม หุหุ จากนั้นก็จะเจอป้ายเล็กๆ เขียนว่าขึ้นจุดชมวิว เดินขึ้นบันไดไปเรื่อย จะผ่านโรงแรม ก็เดินต่อไป แล้วก็จะถึงจุดเสียค่าบำรุงรักษา 20 บาท โอ้ว เก็บเงินตลอดเลย
 
เมื่อ 3-4 ปีก่อนไม่เก็บละเอียดขนาดนี้เลยนะ อันนี้เก็บเงินตลอด จากนั้นก็เดินขึ้นไปตามทางลาด(ด้วยปูน) แต่ทางชันพอสมควร เดินไปซักพักเราจะเห็นต้นไม้รายรอบ เราจะผ่านเสาสัญญาณโทรศัพท์ เดินต่อไป จะโขดหินสูงๆ และบ้านคน นั่นแหละเราถึงแล้ว จากนั้นจับจองที่นั่งบนโขดหิน เตรียมตัวถ่ายรูปกันได้เลยครับ ส่วนใหญ่ที่จะเห็นที่เกาะจะเป็นฝรั่งซัก 80% คนไทยนิดหน่อย เหมือนมาเที่ยวเมืองนอกยังไงไม่รู้ 555
 
view_point_phi_phi_island_orange_sky
 
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงครับ ด้านบนลมเย็นอากาศดีมากครับ วันนี้ฝนไม่ตกโชคดีสุดๆ ไปหน้าฝนแต่ฝนไม่ตก แสงทองผ่องอำไพ ยามอาทิตย์อัสดง ความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา
 
เมื่อนั่งถ่ายรูปกันจนแสงหมดแล้ว ก็ถึงเวลาลงกันแล้วครับ แนะนำให้เตรียมไฟฉายมาด้วยเพราะมันจะมึด ไม่มีไฟทางครับ
ส่วนผม ไฟฉายไอโฟนครับ สองเครื่องสว่างเลย 555 ตอนลงรู้สึกว่าถึงเร็วกว่าตอนขึ้นเยอะเลย เดินชิวเลยครับจากนั้นก็กลับที่พัก แล้วออกไปหาอะไรกินครับ ด้วยความเหนื่อย(อีกแล้ว) เหนื่อยทั้งวันเลยเนอะ ก็เลยกินร้านหัวมุมก่อนจะเข้าโรงแรมครับ ร้านนี้กินตอนกลางวันครับ แต่เช่นเคย ด้วยความหิว เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา T_T
แต่มื้อเย็นถ่ายรูปมารีวิวให้ครับ รอบนี้ไม่ลืมแล้ว ดีใจเป็นที่สุด
 
phi_phi_corner_seafood
 
ร้านชื่อ Phi Phi Corner อยู่หัวมุม ตั้งชื่อว่าร้านหัวมุม อื้ม สุดยอดไปเลย เพราะร้านอยู่หัวมุมจริงๆครับ
 
fried_fish
 
ปลากระพง ราดน้ำจิ้มสามรส ปลาถือว่าสด รสชาติหวาน ทอดกันใหม่ๆ เพราะเค้าจะเอาปลาแช่น้ำแข็งไว้หน้าร้าน
คนสั่งก็เดินไปหยิบ แล้วก็ชั่งราคาก็ตามน้ำหนักครับ น้ำจิ้มสามรสอร่อยเลยครับ รสชาติโอเค
 
shimps
 
กุ้งอบเนย ก็หอยเนยหน่อยๆ มันคล้ายๆกุ้งต้มอะครับ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร กุ้งตัวใหญ่อยู่เหมือนกันครับ ถือว่าพอได้
 
crab
 
ปูผัดผงกะหรี่ เครื่องเน้นๆผงกะหรี่จัดจ้าน พร้อมปู 1 ตัวครับ รสชาติโอเคอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้าคนที่ไม่ค่อยชอบ
ผงกะหรี่อาจจะไม่ชอบก็ได้ครับ เพราะมันเข้มข้นเลยแหละ แล้วผัดน้ำมันเยอะไปหน่อยนะ ทำให้รู้สึกเลี่ยนนิดๆ
ไม่รู้ผมเป็นคนเดียวหรือเปล่า เพราะแฟนผมกินได้ไม่บ่นอะไรเลยซักคำ 555
สรุปราคา
ปลากระพงสามรส 400 บาท
กุ้งอบเนย 220 บาท
ปูผัดผงกะหรี่ 220 บาท
ข้าวเปล่า 2 จาน 60 บาท
รวม 900 บาทครับมื้อนี้ กินกันสองคน ราคาถือว่าไม่ถูกและก็ไม่แพงเกินไป
ตอนแรกแม่กับยายผมกินกันที่ชายหาดฝั่งท่าเรือครับ แต่ผมลงจากเขามาช้า แล้วตรงนั้นคนเยอะ รอนาน
แล้วราคาแพงกว่าร้านนี้ แต่บรรยากาศดีกว่าแน่นอน ส่วนเรื่องรสชาติที่นั่นยังไม่ได้ชิมครับ แต่บรรยากาศดี
นั่งกินทรายแถวนั้นก็น่าจะอิ่มอก อิ่มใจแล้วหละครับ 555
เมื่อกินอิ่มก็ถึงเวลาของแสงสียามค่ำคืนกันแล้ว ขากลับจากจุดชมวิวก็จะเห็นร้านอาหาร และบาร์ เปิดกันแล้วใช่ไหมครับ
สำหรับใครที่ชอบแนวแสงสี ก็เดินกลับไปกันเลยครับ วันนี้จะถ่ายบรรยากาศตอนกลางคืนมาให้ดูกันว่าแต่ละร้านเป็นยังไงบ้าง
 
map_bar_phi_phi_island
 
แนวที่ขีดเส้นสองข้างจะเป็นร้านผับ บาร์ ที่นั่งดื่ม ยาวไปจนถึงชายหาดเลยครับ
 
dojo_bar
 
เป็นร้านโล่งๆ มีที่นั่งนิดหน่อย น่าจะเน้นไปทางเต้นออกกำลังกายซะมากกว่านะร้านนี้ อิอิ
 
stockholm_bar
 
ร้านนี้เน้นแนวเต้น แล้วก็เล่นเกมส์ มีเบียร์ปองด้วยครับ หน้าร้านเลย ฝรั่งเล่นกันสนุกสนานเลย
 
breakers_bar
 
ร้านนี้เน้นแนวนั่งชิวครับ ดื่มไปคุยไป ฟังเพลงไป มีบอลให้นั่งดูด้วยครับ
 
irish_pub

ร้านนี้บรรยากาศดีมากเลยนะเนี่ย ตกแต่งภายนอกได้สวยงามมากเลยครับ มีสองชั้นด้วยนะ สวยดีครับ

แต่ผมไม่ได้เข้าซักร้านเลย เดินถือ Smirnoff ขวดเดียวเดินชิวๆไปที่หาดครับ มีร้าน มีบาร์กันอีกที่หาด ตามกันไปเลยครับ

slinky_bar
 
บรรยากาศร้านที่ชาดหาดครับ จะมีการแสดงควงไฟด้วยครับ ถ้าใครชอบแนวดูโชว์ ริมหาดได้เลยครับ ฟังเพลง นั่งดื่ม
แล้วก็นั่งดูโชว์ครับ บรรยากาศดี มีลมทะเลผ่านอยู่ตลอด
 
ibiza_bar
 
มีให้เลือกหลายร้าน ว่าจะนั่งแบบเก้าอี้ หรือชอบแบบนั่งกับพื้นครับ ชิวกันคนละแบบ
 
bar_in_park
 
หรือใครอยากเก็บแต่บรรยากาศไม่อยากดูการแสดง ก็มานั่งชิวได้ที่ร้านตรงนี้ครับ เน้นกินบรรยากาศชายหาด
 
fire_dancing
 
fire_dancing_1
 
fire_dancing_2
 
การแสดงก็มีหลายคนจะมีสับเปลี่ยนกันแสดงเป็นรอบๆ โดยแต่ละคนก็จะมีอุปกรณ์ที่ถนัดกันคนละแบบ บางคนใช้กระบอง บางคนใช้ลูกตุ้ม แล้วแต่ชอบเลยครับ แล้วก็ออกลีลากันเต็มที่ แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ฝรั่งจะชอบ คนไทยไปอาจจะอยู่ซักพัก เหมือนว่าเราอาจจะเห็นกันอยู่บ่อยแล้วหรือเปล่า แต่ผมได้ไปถ่ายภาพ มันรู้สึกว่าถ่ายยังไงก็ยังไม่เบื่อ เพราะการควง การเหวี่ยงของแต่ละคน แต่ละครั้งมันไม่เหมือนกัน ทั้งท่วงท่าและน้ำหนัก ทำให้ได้รูปหลากหลายท่าทาง สวยไปอีกแบบ
 
fire_dancing_3
 

ส่วนอันนี้มีการต่อตัวกันครับ ให้สองคนยืนเป็นฐานแล้วคนกลางยืนบนขาขึ้นไป ทุกตอนไม่ว่าขึ้นหรือลง ต้องควงกระบองไว้ตลอด

หลังจากนั้นก็เดินเล่นชิวๆริมหาด ก่อนที่จะเดินกลับที่พักครับ แสงสียามค่ำคืนก็น่าจะยาวไปถึง ตีหนึ่ง ตีสองเลยหละครับ
ไม่เคยอยู่ถึงร้านปิด ง่วงก่อนทุกที 555

sea_view_in_moring
 
บรรยากาศชายหาดตอนกลางวัน อันนี้เดินมาจากทางที่พักครับ เดินจากร้านข้าวที่กินเลี้ยวขวามา เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาอีกที
ก็จะถึงหาด ไม่ไกลมากครับ แต่ตอนกลางคืนเดินไปทางนี้มันจะมึดครับ เพราะไม่ค่อยมีร้านอาหาร เหมาะกับการเดินกลางวัน
ส่วนกลางคืนเดินอ้อมไปหน่อยดีกว่า ไกลหน่อยแต่สนุกจนอาจจะลืมระยะทางก็ได้นะครับ อิอิ
 
phi_phi_pano
 
ภาพกว้างๆกับชายหาดยามเช้ากันมั่ง เมฆเยอะ แต่ทะเลน้ำใส จนอยากจะกระโดดเล่นมาก แต่เสียดายต้องเตรียมตัวไปขึ้นเรือ รอบหน้ามาจะเก็บตกให้ครบเลยทีเดียว ต้องกลับไปดูน้องเล็กไอ้เด็กดื้อต่อ หุหุ ชายหาดตอนกลางวันจะแตกต่างจากกลางคืนสิ้นเชิง หาดจะเงียบ ผับบาร์จะปิด ฝรั่งจะมานอนอาบแดดตอนบ่ายๆ ไม่เหมือนตอนกลางคืนที่จะคึกคักและเสียงดังพอสมควร จากโรงแรมที่อยู่ไกลจากผับ บาร์ พอสมควรครับ
 
กลางคืนไม่ได้ยินเสียงของเพลงแน่นอน นอนหลับสบายครับจากนั้นก็ไปขึ้นเรือกลับครับ ซื้อตั๋วเรียบร้อยก็ขึ้นเรือกลับไปที่กระบี่ จากนั้นก็โทรบอกแท๊กซี่ว่าเราจะถึงกี่โมง หรือถ้าไม่มีรถ ก็สามารถหารถจากที่นั่นได้เลยครับ หาแท๊กซี่ได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะไปสนามบินหรือไปตัวเมือง แต่ผมยังมีเวลาเหลือเลย ขอไปเดินที่วัดถ้ำเสือซักนิดนึง ซึ่งจะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไรครับ
 
Wat_Thum_Sua_Krabi
 
ที่นี่จะมีเจ้าแม่กวนอิมให้สักการะ องค์ใหญ่มากเลย
 
Wat_Thum_Sua_Krabi_1
 
ด้านในของศาลาที่วัดนี้ครับ อากาศเย็นมากเลย เพราะปูพื้นด้วยหินอ่อน และอยู่ใต้ถ้ำ ซึ่งแตกต่างจากอากาศด้านนอกมากๆ
 
Wat_Thum_Sua_Krabi_2
 
มีเสือเฝ้าถ้ำอยู่ครับ ภายในไม่มีอะไรมากนอกจากพระพุทธรูป กับรอยพระพุทธบาทจำลอง แต่อากาศเย็นมากๆเลย
 
ด้านบนเขาจะมีบันไดให้ขึ้นไปชมวิวที่อยู่บนภูเขาด้านบน ขึ้นบันไดไป 1237 ขั้นครับ แต่รอบนี้ขอไม่ขึ้น เนื่องจากรู้สึกเหนื่อยจากขึ้นจุดชมวิวเมื่อวาน 555 ก็เลยอดขึ้นไปดูข้างบนเลยว่าสวยแค่ไหน แต่เท่าที่เห็นสวยมากจริงๆครับ http://pantip.com/topic/32524874  ลิงค์คนที่เค้าขึ้นไปชมวิวด้านบนมาครับ สวยจนอยากกลับไปขึ้นเลยครับ
 
กลับแล้วครับ ไปที่สนามบินกระบี่เพื่อขึ้นเครื่องกลับ ค่าเดินทางจากท่าเรือกระบี่ พาไปแวะกินข้าว มาวัดถ้ำเสือ แล้วกลับไปสนามบิน ผมต่อราคาเหลือ 500 บาท เพราะถ้ามาสนามบินอย่างเดียว 350 บาท แต่อันนี้แวะเยอะ แต่ตอนที่ผมกินข้าว หรืออยู่วัดถ้ำเสือผมให้เค้าไปวิ่งรถก่อนนะ จะได้ไม่ต้องรอ ได้เงินเพิ่มด้วย แถมต่อราคาง่ายดี คุยกันตั้งแต่ก่อนออกจากท่าเรือแล้วหละครับ ไม่งั้นอาจจะแพงกว่านี้
 
รอขึ้นเครื่องคราวนี้นึกได้ เลยไปขอรถเข็นเอามาให้คุณยายนั่ง แล้วพนักงานก็ถามว่าเอาที่ดอนเมืองไหม ก็ต้องบอกว่าเอาสิ
 
คุณยายได้นั่ง Hot Seat โดยไม่ต้องจองที่นั่งด้วยแหละ อิอิ ก็ดีนะที่ว่างพอดี เดินไม่ไกลจากประตู มีรถเข็นให้ยืม มาดอนเมืองมีคนเข็นให้ด้วยแหละ บริการดีสุดๆหางแดง เพิ่งจะเคยกลับเกจนี้ เดินไกลเหมือนกัน ถ้าไม่มีรถเข็นยายเหนื่อยแน่ๆ
 
plane_night
 
ขอปิดท้ายด้วยภาพนี้แล้วกันครับ แสงไฟยามค่ำคืนของกรุงเทพ ถ่ายจากบนเครื่องบิน สวยดีเหมือนกันครับ
สรุปยอดค่าใช้จ่าย
ตั๋ว ไป-กลับ หางแดง 1840 บาท
ค่าที่พักกระบี่(Baan Andaman Bed) แต่นอน Dee Andaman ราคา 816 บาท -> คนละ 408 บาท
ค่าที่พักเกาะพีพี ราคา 1550 บาท -> คนละ 775 บาท
ค่าเรือ 400 + 400 = 800 บาท
ค่าบำรุงรักษาเกาะ 20+20 = 40 บาท
ค่าแท๊กซี่ 350 + 200 + 500 = 1050 บาท ถ้าคิด 2 คน คนละ 525 แต่ที่ไป 4 คนเด็ก 1 ไปเยอะก็คุ้มกว่า
รวมทั้งหมด 1840+408+775+800+40+525 = 4188 บาทครับ ยังไม่รวมค่าอาหารนะครับ อันนั้นเผื่อกันเอาเอง
ราคาที่กระบี่อาหารราคาปกติ แต่ถ้าที่เกาะพีพีจะแพงขึ้นกว่าที่กระบี่หน่อยครับ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับขอขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันครับผม เดี๋ยวถ้าไปเที่ยวแล้วจะมารีวิวให้ใหม่นะครับ