ประเทศลาวถือเป็นบ้านพี่เมืองน้องของประเทศไทย และเชื่อว่าหลายคนเริ่มต้นการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกก็ด้วยการไปเยือนลาวนี่ละ เพราะว่าเดินทางก็ง่าย ค่าใช้จ่ายก็ถูก แถมยังไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร อาหารการกินก็ถือว่าใกล้เคียงกันกับบ้านเรา แถมชาวลาวก็ขึ้นชื่อว่าอัธยาศัยไมตรีน่าเอ็นดูมากกก โดยเฉพาะชาวลาวในเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองสุดชิลล์ เรียบง่าย ปลอดภัย และให้อารมณ์สโลว์ไลฟ์แบบสุดๆ เลยทีเดียว อยากไปอยู่เฉยๆ ชิลล์ๆ ก็สบาย หรือถ้าใครเป็นสายกิจกรรมก็มีอะไรให้ทำไม่น้อยเลยละ

หากอยากรู้ว่าไปหลวงพระบางแล้วจะทำอะไร เรารวบรวมมาไว้ให้ตรงนี้แล้วครับ และถ้าคุณสนใจ แนะนำให้ลองมองหาตั๋วเครื่องบินมุ่งหน้าไปหลวงพระบางกับ Traveloka ดูได้เลย เพราะนอกจากจะจองง่าย ได้ราคาดี แล้วยังมั่นใจได้เลยครับว่าตั๋วทุกใบใช้งานได้จริงไม่มีปัญหา แถมถ้ามีข้อสงสัยอะไร เค้ายังมีบริการ call center ที่คุณติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุดด้วยนะ ไม่ว่าจะมองหาตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบาง หรืออยากเดินทางไปประเทศไหนๆ ก็หาได้เลยจ้า รับรองว่ามีครบจบในคลิกเดียวแบบชิลล์ๆ แน่นอน

จองตั๋วเครื่องบินไปลาวกับ Traveloka ได้ที่นี่เลย  https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-laos

15 กิจกรรมน่าทำในหลวงพระบาง

1. สักการะพระธาตุพูสี

พระธาตุพูสี ตั้งอยู่บนยอดเขาใจกลางเมืองหลวงพระบาง บนความสูงประมาณ 150 เมตร องค์พระธาตุสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2337 เดิมทีที่นี่ชื่อว่าภูสวง แต่เปลี่ยนมาเป็นภูษี หรือภูสี เนื่องจากเคยมีฤาษีมาอาศัยอยู่บนยอดภูแห่งนี้ช่วงหนึ่งนั่นเอง ด้านบนเมื่อเดินขึ้นบันไดจำนวน 328 ขั้นขึ้นไป นอกจากจะได้กราบนมัสการองค์พระธาตุสีทองอร่ามที่อยู่บนส่วนยอดสุดแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นจุดชมวิวเมืองหลวงพระบางในมุมสูงแบบ 360 องศาได้อีกด้วย จึงจะเห็นนักท่องเที่ยวขึ้นมาบนนี้กันหนาตาในยามเย็น เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกของเมืองหลวงพระบางจากมุมสูงบริเวณนี้นั่นเอง

2. ชมความสวยของวัดเชียงทอง

วัดนี้ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองหลวงพระบางมาช้านาน และเคยผ่านการเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ล้านช้าง ราชวงศ์หลวงพระบาง และราชวงศ์ลาวในยุคอดีตมาก่อน ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2103 มีความงดงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็นอัญมณีของศิลปะล้านช้างเลยทีเดียว จุดเด่นสำคัญของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถซึ่งมีรูปแบบศิลปกรรมแบบหลวงพระบางแท้ๆ อันอ่อนช้อยงดงาม และบริเวณหอไหว้ซึ่งมีผนังเป็นสีชมพูประดับกระจกสีที่ตัดเป็นรูปร่างต่างๆ และนำมาประกอบเป็นรูปเรื่องราวแทนการใช้มือวาดตามแบบจิตรกรรมฝาผนังที่เราเห็นโดยทั่วไป วัดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนหลวงพระบางเลยทีเดียว

3. ตักบาตรข้าวเหนียว

ไฮไลท์ที่หลายคนบอกว่ามาแล้วต้องได้ลองอีกหนึ่งอย่างของหลวงพระบาง นั่นคือการตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของเมืองนี้ โดยถ้าสามารถใช้พลังบังคับร่างกายให้ลืมตาขึ้นมาในช่วงเช้ามืดได้ละก็ คุณจะพบกับภาพพระสงฆ์เรียงเป็นแถวยาว เดินบิณฑบาตอยู่ในเส้นทางต่างๆ ทั่วไป โดยชาวหลวงพระบางจะปูเสื่อนั่งเรียงรายรอใส่บาตรกันอยู่บริเวณริมทาง ซึ่งที่นี่จะใช้วิธีการปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมเล็กๆ แล้วหย่อนใส่ลงในบาตรพระ และขอบอกว่าต้องใช้ความชำนาญเพื่อจะปั้นใส่บาตรให้ทันกันพอสมควรเลยทีเดียวละ แต่นับว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดี และถ้ามีโอกาส ก็อยากให้ตื่นเช้าไปลองกัน

4. ชมพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง

เดิมทีที่นี่เคยเป็นพระราชวังเก่าซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2447 ในสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เป็นอาคารรูปแบบตะวันตกแต่มีหลังคาอาคารเป็นทรงศิลปะแบบลาวผสมผสานกับศิลปะแบบล้านช้าง ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขงโดยหันหน้าเข้าหาพระธาตุพูสี ปัจจุบันที่นี่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง ด้านในจัดแสดงโบราณวัตถุทั้งของประเทศลาว และข้าวของจากอีกหลากหลายประเทศ รวมทั้งองค์พระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของที่นี่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดการมาชมเลยหละ

5. เดินเล่นตลาดมืด

ถึงจะมีชื่อเรียกว่าตลาดมืด แต่ความจริงแล้วนี่คือถนนคนเดินที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟแล้วข้าวของที่วางเรียงรายไปตลอดเส้นทาง ซึ่งจะมีการปิดถนนศรีสว่างวงศ์บริเวณด้านล่างขององค์พระธาตุพูสีเป็นแนวยาวในช่วงเย็นถึงค่ำของทุกวัน เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้านำข้าวของมาวางให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหลวงพระบางได้เดินเลือกซื้อหากันอย่างคึกคักและครึกครื้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าพื้นเมือง ข้าวของเครื่องใช้แฮนด์เมดในสไตล์หลวงพระบาง เครื่องเงิน หรืองานศิลปะต่างๆ มากมาย โดยส่วนใหญ่ราคาถือว่าค่อนข้างจับต้องได้ มั่นใจว่าต้องมีของติดไม้ติดมือกันกลับเมืองไทยบ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

6. โดดน้ำตกสีฟ้าใสที่ตาดกวางสี

นี่คือน้ำตกที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดของเมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองออกมาประมาณ 30 กิโลเมตร ตัวน้ำตกมี 4 ชั้น และมีความสูงที่สุดถึงประมาณ 75 เมตร แต่ละชั้นก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป จุดเด่นที่สุดของน้ำตกหินปูนแห่งนี้ต้องยกให้กับแอ่งน้ำสีฟ้าใสที่สวยแปลกตา ซึ่งเกิดจากแร่ธาตุในธรรมชาติของน้ำตกแห่งนี้นั่นเอง เมื่อสายน้ำสีฟ้าใส ตกลงมาตามแก่งหินจนเกิดพรายฟองสีขาว ทำให้ที่นี่สวยงามเหมือนน้ำตกในจินตนาการกันเลยทีเดียวหละครับ ที่เริ่ดคือเค้าเปิดให้คุณลงไปเล่นน้ำกันได้ด้วยนะ อย่าลืมเตรียมตัวไปให้พร้อมกันเชียว

7. ชิมสตรีทฟู้ดหลวงพระบาง

ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ในระดับที่ยูเนสโก้ยกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทั้งที หลวงพระบางย่อมต้องมีเรื่องราวของวัฒนธรรมที่เก่าแก่ เข้มแข็ง และน่าสนใจ หนึ่งในนั้นต้องยกให้กับเรื่องของวัฒนธรรมทางด้านอาหาร ซึ่งแม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่หลวงพระบางก็มีร้านรวงที่รวมสารพัดเมนูให้เลือกลองชิมกันได้ในหลากหลายสไตล์ จะร้านหรู หรือจะเป็นสตรีทฟู้ดแบบเรียบง่าย ที่บางอย่างก็คล้ายๆ กับอาหารบางจานในบ้านเรา แต่บางอย่างก็แตกต่างออกไป นี่จึงเป็นอีกเมืองที่สายชิมจะได้แสดงศักยภาพกันแบบเต็มที่ มาหลวงพระบางทั้งที ต้องเดินชิมกันให้สะใจ เชื่อเรา!

8. เดินชิลล์ตลาดเช้า

ถ้าการเดินเล่นตลาดมืด คือ การมองหาข้าวของน่ารักๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านไป การตื่นมาเดินเล่นในตลาดเช้าของหลวงพระบางก็เหมือนกับการเปิดโลกทัศน์ ให้เราได้ทำความรู้จักกับวัฒนธรรมด้านอาหารการกินแบบพื้นถิ่นในเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี ตลาดเช้าที่นี่จะมาในรูปแบบง่ายๆ เป็นการปูผ้าขายกันบนถนนเส้นไม่ใหญ่นัก ข้าวของที่ขายจะมีตั้งแต่ผัก ปลา ไปจนถึงอาหารป่านานาชนิดกันเลยทีเดียว ระหว่างทางยังจะพบกับร้านรวงที่ขายอาหารเช้าสไตล์หลวงพระบางแบบง่ายๆ เรียงรายสลับไปกับแผงขายของข้างทาง ทั้งสนุก ทั้งเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้หลายอย่าง จนไม่อยากให้พลาดกันเลยทีเดียว

9. ลงเรือไปเช็คอินที่ถ้ำติ่ง

ถ้ำติ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้บริการเช่าเรือแบบเหมาลำจากบริเวณหน้าวัดเชียงทองมายังถ้ำติ่งแห่งนี้ เพราะตลอดทางจะได้ใช้เวลาชิลล์ๆ ไปกับการชมทิวทัศน์สองฝั่งของริมแม่น้ำโขงกันแบบเพลินๆ อีกด้วย ภายในถ้ำติ่งนั้นเต็มไปด้วยพระพุทธรูปมากมาย ซึ่งสร้างขึ้นจากในช่วงหลายยุคสมัย เนื่องจากถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ผู้คนนิยมใช้ในการสักการะหรือเซ่นไหว้เทวดาและภูตผีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสถานที่สำคัญของพุทธศาสนาอย่างเช่นในปัจจุบันนี้นี่เอง

10. ชิม ‘ไค’ สาหร่ายยอดฮิตของเมืองหลวงพระบาง

ไค หรือ ไก เป็นสาหร่ายตามธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆ สีเขียวสด ซึ่งจะขึ้นในแหล่งน้ำไหลที่ได้ชื่อว่าใสสะอาดปราศจากมลภาวะเท่านั้น ไคจึงไม่ได้มีให้เก็บเกี่ยวกันในแหล่งน้ำทุกที่ และว่ากันว่าไคที่มีคุณภาพดีนั้นต้องมาจากบริเวณแม่น้ำโขงถึงจะถือว่าสุดยอด ชาวหลวงพระบางมักจะเก็บไคมาทำความสะอาด ปรุงรสตามแบบฉบับของตนเอง แล้วตากแดดให้แห้ง ส่วนใหญ่นิยมนำมาทอดให้กรอบแล้วกินคู่กับแจ่วบองเพื่อเพิ่มรสชาติให้แซ่บนัว มาถึงหลวงพระบางแล้ว เลี้ยวไปทานข้าวร้านไหน อย่าลืมสั่งไคมาชิมกันนะครับทุกคน

11. แซ่บนัวกับส้มตำหลวงพระบาง

ส้มตำถือเป็นวัฒนธรรมด้านอาหาร ที่ทั้งชาวไทยและชาวลาวสามารถใช้บริการชิมความอร่อยสร้างความสำราญร่วมกันได้แบบสบายๆด้วยความคุ้นเคย ซึ่งส้มตำของหลวงพระบางนั้นจะมีเอกลักษณ์ต่างจากของชาวไทยนิดหน่อยด้วยการฝานเส้นมะละกอเป็นแผ่นใหญ่ ไม่ใช้เส้นเล็กฝอยๆ แบบในบ้านเรา และส้มตำที่นี่นิยมใช้กะปิในการปรุงรสอีกด้วยนะ แต่เชื่อเหอะว่ายังไงก็ยังคงความแซ่บนัวที่ชาวไทยยังคงแฮปปี้อยู่ดี แม้จะมีให้เลือกชิมกันหลายร้าน แต่พิกัดยอดฮิตที่ใครมาหลวงพระบางก็มักต้องมาเช็คอิน ขอชี้เป้าให้กับ ร้านตำหมากหุ่งแม่ติ๋ม แห่งถนน Kounxoau ใกล้วัดหนองสีคูนเมือง ว่ากันว่ารสชาตินั้นแซ่บหลาย แต่จะเด็ดขนาดไหน คงต้องขอให้ไปลองชิมกันด้วยตัวเองแล้วหละครับ

12. ชมพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำโขง

หลวงพระบางเป็นเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองถึงสองสาย คือแม่น้ำคานและแม่น้ำโขง เมืองนี้จึงมีวิวชิลล์ๆ ริมแม่น้ำให้ชมกันได้จากหลายหลายมุมเลยเชียวหละ ถ้าใครเป็นคนที่ชอบบรรยากาศสบายๆ ชอบการได้นั่งมองทิวทัศน์ริมฝั่งน้ำในยามเย็น รับลมโชยชิลล์ๆ กันแบบเพลินๆ รับรองว่าเมืองนี้มีหลายมุมที่คุณจะต้องถูกใจ จะตั้งกล้องถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเอาไว้ หรือจะนั่งเกี่ยวก้อยกับคนรู้ใจชมความโรแมนติกของแสงสุดท้ายไปด้วยกันก็ได้ทั้งนั้นละ เลือกเอาที่สะดวกใจเลย

13. ปั่นจักรยานชมเมือง

อีกกิจกรรมที่หลายคนนิยมทำเมื่อมีโอกาสมาชิลล์ที่เมืองมรดกโลกแห่งนี้กัน นั่นคือการเช่าจักรยานปั่นเที่ยวกับแบบสบายๆ เพราะด้วยความที่เป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่ และไม่จอแจมากนัก เมืองนี้จึงเหมาะกับการใช้จักรยานขี่ๆ จอดๆ แวะเที่ยวกันตามจุดต่างๆ ได้อย่างชิลล์ๆ เพราะค่อนข้างปลอดภัยจากบรรดารถซิ่งทั้งปวง นอกจากจะได้สนุก ได้ออกกำลังกาย ยังได้ประหยัดค่ารถในการเที่ยวชมตัวเมืองไปด้วยในตัวนะ ใครเป็นสายสโลว์ไลฟ์รับรองได้ว่าถูกใจแน่นอน

14. ชิมกาแฟลาว

กาแฟลาวได้ชื่อว่ามีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้ใคร และลาวยังมีพื้นที่ในการปลูกกาแฟไว้ใช้บริโภคกันในประเทศค่อนข้างมาก จนทำให้กาแฟลาวกลายเป็นอีกหนึ่งของฝากที่หลายคนชอบซื้อหากลับมาดื่มในไทยกันไม่น้อยเลยทีเดียวหละครับ และเมื่อมาถึงหลวงพระบางซึ่งเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสบายๆ สิ่งหนึ่งที่คอกาแฟน่าจะชอบใจคงเป็นการตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟหอมๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ดื่มด่ำกับความสโลว์ไลฟ์ที่หาได้ยากในชีวิตคนเมืองแบบเราๆ แถมหลวงพระบางยังมีร้านกาแฟหลากหลายบรรยากาศให้เลือกนั่งชิลล์กันด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศตะวันตกที่ดื่มกาแฟไปพร้อมกับขนมปังหรือเบเกอรี่อร่อยๆ หรือจะเป็นร้านกาแฟท้องถิ่นที่มีเมนูแบบบ้านๆ สบายๆ ให้ลองชิมก็ยังได้ ชอบแบบไหน เลือกใช้บริการตามความสะดวกได้เลย

15. ไปแฮ็งค์เอ๊าท์ สัมผัสไนท์ไลฟ์ แบบหลวงพระบาง

แม้ว่าเมืองมรดกโลกแห่งนี้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความคึกคักของสถานบันเทิงหรือไนท์ไลฟ์แบบโฉบเฉี่ยวเปรี้ยวว้าวอะไรนัก แต่หลวงพระบางก็มีสถานบันเทิงน่ารักๆ กรุบกริบให้คนที่ชอบชีวิตค่ำคืนได้ไปลองเปิดประสบการณ์กันพอประมาณ จะเป็นร้านในลักษณะนั่งชิลล์แบบบาร์ไวน์ หรือเป็นสไตล์ผับให้ได้โยกย้ายกันพอสวยๆ ก็หาได้ ที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักกันของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขอยกให้กับ ดาวฟ้าบันเทิง และ ราตรีเมืองซัว สองร้านสองสไตล์ ที่หลายคนบอกว่านอกจากจะได้ฟังเพลงออกสเต็ปกันเบาๆ แล้ว ยังอาจจะได้เห็นการออกสเต็ปซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองลาวอย่างบาสโลปกันด้วยนะ จะน่ารักน่าสนุกแค่ไหน ต้องไปลองกันเองแล้วหละครับ ไปเผยแพร่ท่าเต้นชาวไทยให้คนหลวงพระบางได้รู้กันซักหน่อย

หลวงพระบางเป็นเมืองเล็กสุดน่ารักที่เพียบพร้อมไปด้วยความสงบและความสะดวกสบาย รวมถึงยังมีกลิ่นอายแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมให้พอสัมผัสกันได้อยู่ แม้ความเจริญและการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ อาจจะมีส่วนทำให้บรรยากาศของเมืองนี้เปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็เรียกว่าหลวงพระบางยังมีเสน่ห์มัดใจให้ใครต่อใครตกหลุมรักได้อยู่เสมอ เพราะความเรียบง่ายของวิถีชีวิตและอัธยาศัยไมตรีอันแสนน่ารักของผู้คน อากาศดีๆ รวมถึงการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ยุ่งยาก อาหารที่รสชาติค่อนข้างถูกปากคนไทย และความง่ายในการสื่อสารระหว่างกัน หลวงพระบางจึงถือเป็นสวรรค์ใกล้เมืองไทยที่อยากชวนคนที่ยังไม่เคยไปให้แวะไปเยือน และสำหรับคนที่เคยไปมาแล้ว เชื่อว่าเมืองน่ารักแห่งนี้จะยังมีเสน่ห์ให้คุณคิดถึง และอยากกลับไปอยู่เสมอเลยหละ หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง?

ถ้าพร้อมแล้ว จองตั๋วไปเที่ยวกันเถอะ จองตั๋วเครื่องบินไปลาวกับ Traveloka ได้ที่นี่เลย  https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-laos

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม มีอะไรเสนอแนะได้ หรือจะคอมเมนต์พูดคุยกันด้านล่างได้เลยครับ ชอบก็แชร์บอกต่อเพื่อนพากันไปนะครับ

สามารถเข้าไปพูดคุย ติดตามรีวิวใหม่ๆก่อนใคร หรือจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/homeontravel

ดูรูปถ่ายได้ใน Instagram : homeontravel  [https://www.instagram.com/homeontravel]